ก้าวสู่ยุคพลังงานบริสุทธิ์ Mini Cooper SE 2020 พลังงานไฟฟ้า 100 %

Mini Cooper SE 2020 สามารถวิ่งได้ระยะทาง 270 กม.ต่อการชาร์จ 1 รอบ
Mini Cooper SE 2020 เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าตัวแรกของ Mini ที่มุ่งมั่นที่จะเอาชนะใจลูกค้าที่มองหารถที่เป็นมิตรต่อสิงแวดล้อม(EV) และลดการปล่อยก๊าซ CO2 Mini Cooper SE เป็นรถที่ Mini เริ่มโครงการ รถพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2017 และได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัว Mini Cooper SE 2 ประตูจะวางจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปี 2020
ภายนอก ตัวถังรถออกแบบคล้ายกับ Mini S รุ่นมาตรฐาน 2 ประตู แต่เพิ่มความโดดเด่นจากแถบสีเหลืองบริเวณกระจังหน้ารถ,กระจกมองข้างและขอบล้ออัลลอย ขนาด16 นิ้ว ซุ่มล้อสีดำ เสริมด้วยสัญลักษณ์ E ที่บริเวณกระจังหน้า ไฟหน้าเป็นแบบ LED เต็มรูปแบบพร้อมไฟตัดหมอก ด้านหลังไฟท้าย LED มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวรูปแบบธงชาติอังกฤษ และมีสัญลักษณ์ E บ่งบอกถึงความเป็นรถ EV เต็มรูปแบบ พร้อมจุดเสียบชาร์จไฟอยู่ด้านขวามีสัญลักษณ์ E บอกชัดเจน
Mini กล่าวว่าความสูงของ Cooper SE จะต่ำกว่า Cooper S 1.2 นิ้วและหนักกว่า Cooper S 319 ปอนด์ด้วยเกียร์อัตโนมัติ และการปรับจูนช่วงล่างที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นระบบควบคุมเสถียรภาพที่ออกแบบมารักษาสมดุลตัวรถ จากการสร้างแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้า
การตกแต่งภายใน โดดเด่นจาก แผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 5.5 นิ้วที่ใช้การออกแบบกราฟิกใหม่เพื่อแสดงข้อมูลความเร็วปัจจุบัน,โหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ 4 โหมด ,ระดับพลังงานคงเหลือ และข้อมูลอุณหภูมิภายนอก คอนโซนกลางเป็นจอสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วพร้อมระบบนำทาง พร้อมระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน
ต้นกำลัง ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัวขนาด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 199 ปอนด์ สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม.ในเวลา 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 150 กม./ชม. รับพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 32.6 kWh
ระบบการชาร์จไฟฟ้า สามารถชาร์จประจุแบบเร็วระบบ DC ได้สูงสุด 50 kW ให้ความจุแบตเตอรี่ที่ 80 เปอร์เซ็นต์ในเวลา 35 นาที และสามารถวิ่งได้ระยะทาง 270 กม.ต่อการชาร์จ 1 รอบ (100 เปอร์เซ็นต์)
Mini Cooper SE จะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในต้นปี 2563 โดยราคานั้น Mini กล่าวว่าคงไม่ต่างไปจาก Mini S ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเป็นต้นกำลัง มากนัก โดยเราคาดว่าจะมีราคาประมาณ 1.14 ล้านบาท(ยังไม่รวมภาษีนำเข้า)
ที่มา motor1