สงสัย .!! เครื่องยนต์ไฮบริด และ ปลั๊กอินไฮบริดปลั๊กอินไฮบริด(PHEV) ต่างกันอย่างไร +!!

สำหรับผู้ที่ต้องการจะซื้อรถมาใช้งานในปัจจุบัน คงต้องได้ยินคำว่าเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดปลั๊กอินไฮบริด(PHEV) ที่มีอยู่ในรถยนต์ จำหน่ายในท้องตลาดในประเทศไทย เครื่องยนต์ทั้ง 2 ชนิดนี้มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ในบทความนี้จะอธิบายแบบง่ายๆให้ผู้ที่กำลังจะตัดสินใจเป็นเจ้าของรถคันใหม่ได้เป็นข้อตัดสินใจได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ที่มีอยู่ในรถยนต์ทั่วไปที่เราใช้กัน มาอย่างยาวนานนั้นจะใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง จุดระเบิดภายในห้องเผ้าไหม้ ก่อเกิดเป็นกำลังขับเคลื่อนยานยนต์ให้เคลื่อนที่ไปได้
แต่ในวงการรถยนต์ช่วง 5-10 ปีมานี้ ค่ายรถยนต์ต่างๆ การคิดค้นเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ใหม่ๆ ออกมากันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ Hybrid , Plug in Hybrid หรือ EV แล้วเครื่องยนต์ในแบบต่างๆมีเทคโนโลยีต่างกันอย่างไร อย่างไหนเหมาะสมกับการใช้งานประจำวัน
1.เครื่องยนต์ไฮบริด คือการรวมเครื่องยนต์แบบสันดาปกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์นั้นใช้พลังงานเป็นน้ำมัน ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ารับพลังงานจากแบตเตอรี่
การทำงานนั้นในช่วงความเร็วต่ำระบบจะสั่งการให้มอเตอร์ทำงานในการออกตัวเช่นภายในเมืองหรือบริเวณที่การจราจรติดขัด และ เมื่อถึงรอบเครื่องยนต์ที่กำหนดไว้ระบบจะตัดสลับไปใช้ระบบเครื่องยนต์ทำงานและจะใช้มอเตอร์ช่วยในบางจังหวะทำให้ประหยัดน้ำมัน
การชาร์จพลังงานของแบตเตอรี่ สำหรับใช้กลับมอเตอร์ในเครื่องยนต์ไฮบริดนั้น แบตเตอรี่รับพลังงานมาจาก การชาร์จกลับช่วงที่ถอนคันเร่งในความเร็วสูง หรือช่วงชะลอรถในแต่ละครั้งจะมีเจนเนอเรเตอร์ ปั่นไฟเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เรียกว่าระบบ series-parallel Hybrid เป็นระบบเครื่องยนต์ไฮบริดที่ใช้ส่วนใหญ่ในประเทศไทย
โดยมอเตอร์ที่มีการชาร์จแบตเตอรี่เต็มสามารถปรับใช้ EV Mode คือให้มอเตอร์ทำงานเพียงอย่างเดียว แต่จะถูกจำกัดด้วยระยะทางและความเร็วสูงสุด
2.เครื่องยนต์ Plug in Hybrid (PHEV) คือการรวมเครื่องยนต์แบบสันดาปกับมอเตอร์ไฟฟ้าเหมือนกับเครื่องยนต์ไฮบริด การทำงานคือเมื่อ รถอยู่ในช่วงความเร็วต่ำเช่นในช่วงการออกตัว หรือการเครื่องรถช้าๆจากการจราจรที่ติดขัดภายในเมือง ระบบจะใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อนเมื่อถึงรอบเครื่องยนต์ที่กำหนดก็จะตัดสลับไปใช้เครื่องยนต์และจะใช้มอเตอร์ช่วยในบางจังหวะซึ่งแล้วแต่ค่ารถยนต์จะปรับตั้งอย่างไรแตกต่างกันไปในแต่ละเทคโนโลยี
ที่แตกต่างจากเครื่องไฮบริดธรรมดาก็คือ เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดนั้น มีแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นซึ่งแบตเตอรี่นี้สามารถชาร์จประจุเข้าไปในแบตเตอรี่โดยตรง ใช้เครื่องชาร์จ DC (สถานีชาร์จ)หรือ AC (ไฟบ้านปกติ) ตามที่ผู้ผลิตกำหนด
การทำงาน ในโหมด EV (โหมดการขับขี่ที่ใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว) นั้นคล้ายกับเครื่องยนต์ไฮบริด แต่ว่าในโหมด EV Mode ของเครื่องยนต์ Plug in Hybrid จะได้ระยะทางวิ่งที่ไกลขึ้น เนื่องจากแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่ ระยะทางวิ่งจะมีระยะที่ไกลขึ้นประมาณ 20 ถึง 40 กิโลเมตร หรือบางค่ายก็สามารถทำได้ไกลกว่านั้นแล้วแต่เทคโนโลยี และปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้ใช้ความเร็วได้สูงมากยิ่งขึ้น อีกด้วย
การชาร์จพลังงานเข้าแบตเตอรี่ สามารถใช้พลังงานย้อนกลับ จากการเบรคหรือชะลอตัวรถในแต่ละครั้งจะมีเจนเนอเรเตอร์ ปั่นไฟเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เช่นกัน สรุปก็คือ การชาร์จแบตเตอรี่ในเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสามารถชาร์จได้ จากเครื่องชาร์จ DC (สถานีชาร์จ)หรือ AC (ไฟบ้านปกติ)หรือรับพลังงานจากการเบรกคือการชะลอตัวรถในแต่ละครั้ง
แต่ข้อแนะนำของผู้ผลิตแต่ละค่ายรถยนต์ แนะนำให้ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มด้วยเครื่องชาร์จ DC หรือ AC อาทิตย์ละ 1 ครั้งเพื่อเป็นการกระตุ้นแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
ระบบเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันอย่างไร
เครื่องยนต์ไฮบริด
ข้อดีของระบบไฮบริดนั้น คือไม่ต้องกังวลเรื่องชาร์จไฟ เข้าสู่แบตเตอรี่ ซึ่งเมื่อกรณีที่แบตเตอรี่หมดระบบจะตัดไปใช้เครื่องยนต์ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการออกตัว
ข้อเสียคือ ระยะทางในการวิ่ง EV Mode คือใช้มอเตอร์ทำงานเป็นต้นกำลังเพียง อย่างเดียวนั้นสามารถวิ่งได้ระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก และถ้าพลังงานจากแบตเตอรรี่หมดระบบก็จะเปลี่ยนมาใช้น้ำมันอัตโนมัติ
เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด(PHEV)
ข้อดี คือมีระบบชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ 2 ทางทั้งแบบเครื่องชาร์จ DC หรือ AC และชาร์จจากพลังงานดึงกลับเวลาชะลอตัวของรถ ระยะทางวิ่งในการชาร์จแบตเตอรี่เต็มสามารถวิ่งได้ 20 ถึง 40 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้นตามที่ผู้ผลิตกำหนดจึงทำให้ผู้ใช้รถได้รับความพึงพอใจ เพราะไม่มีเสียงเครื่องยนต์มารบกวนและเป็นพลังงานสะอาด
ข้อเสีย ต้องดูแลการชาร์จแบตเตอรี่อยู่สม่ำเสมอ สถานีชาร์จไฟ DC หาได้ค่อนข้างยากส่วนสถานีชาร์จแบบ AC ที่ชาร์จตามบ้านนั้นก็ใช้ระยะเวลาในการชาร์จยาวนานถึง 8 ชั่วโมงแบตเตอรี่ถึงจะเต็ม 100% ผู้ใช้รถบางท่านจึงซื้อเครื่องชาร์จแบบ DC มาไว้ในโรงรถเสียเลย เนื่องจากเครื่องชาร์จแบต DC นั้นสามารถชาร์จไฟเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้นแล้วแต่กำลังการชาร์จของแต่ละผู้ผลิต
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ข้อดีโดยรวม
เครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบมีประสิทธิภาพในการทำงานในการช่วยลดการใช้น้ำมัน ที่ใกล้เคียงกันซึ่งส่งผลต่อผู้ใช้งานก็คือทำให้สามารถประหยัด โดยจะประหยัดน้ำมัน อยู่ที่ประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์ แล้วแต่เทคโนโลยีของค่ายรถยนต์นั้นๆ และยังช่วยลดมลพิษทางอากาศไม่ทำลายสภาพแวดล้อม โดยการวิ่งที่ใช้โหมดการขับขี่แบบ โหมด EV ที่ใช้มอเตอร์ในการขับเคลื่อนรถเพียงอย่างเดียว
ข้อเสียโดยรวม
เครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบนั้นเป็นเครื่องยนต์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงจึงทำให้ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมนอกศูนย์บริการได้เนื่องจากช่างยังไม่มีประสบการณ์มากพอ จึงจำเป็นที่ต้องเข้ารับการบริการที่ศูนย์บริการเท่านั้น จึงทำให้ อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงตามไปด้วย
ข้อมูลเบื้องต้นก็คาดว่าจะช่วยทำให้ การตัดสินใจซื้อรถยนต์ ขั้นต่อไปผู้ใช้รถหลายๆท่าน เป็นไปได้ง่ายและชัดเจนยิ่งขึ้นว่าตัวเรานั้นต้องการรถที่เป็นเทคโนโลยี Hybrid แบบใดที่เหมาะสมกับ Lifestyle การใช้ชีวิตประจำวันของเรา ซึ่งรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยี Hybrid หรือ Plug in Hybrid มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ผู้ใช้รถที่จะตัดสินใจซื้อรถในกลุ่มมีจริงๆ ต้องลองไปเทียบดูแต่ละค่ายรถยนต์มีข้อดีข้อเสียที่มีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปกว่านี้เพื่อเป็นการประกอบการตัดสินใจได้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระยะทางวิ่ง การรับประกันตัวรถ หรือการรับประกันแบตเตอรี่หรือชิ้นส่วนต่างๆ ต้องศึกษาโดยละเอียดเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในอนาคต ….