เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ #!!!!

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันรถยนต์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ที่ใช้สำหรับเป็นพาหนะเดินทางไปยังที่ต่างๆ ให้ความสะดวกเป็นอย่างมาก ในเมื่อใช้ในชีวิตประจำวันสิ่งหนึ่งที่จะต้องตรวจเช็คอยู่เป็นประจำก็คือ สภาพความพร้อมใช้งานของรถไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่าง ระบบเบรก ระบบบังคับเลี้ยว ระบบปรับอากาศ และที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ยางรถยนต์ ซึ่งเป็นส่วนเดียวของรถที่สัมผัสกับพื้นถนน รองรับน้ำหนักตัวรถ สร้างแรงเสียดทานในการเคลื่อนที่หรือเบรก
ซึ่ง ยางรถยนต์ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับรถยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าต่อให้สภาพทั้งตัวรถสมบูรณ์ยังไงถ้า แต่ถ้ายางหมดประสิทธิภาพ ก็จะทำให้ประสิทธิภาพของรถ ด้อยลงไป
แล้วยางที่พร้อมใช้งานต้องมีลักษณ์อย่างไร
– อายุยางต้องไม่เกิน 4 ปี หรือ 70,000 กิโลเมตร แต่ถ้าเกินต้องตรวจสอบสภาพทุกปี (ข้อมูลจาก Michelin)
– ดอกยางมีระดับความลึกมากกว่า 4 มม.
– แก้มยางไม่แตกหรือบวม
– โครงสร้างยางไม่เสียรูปทรง
– การสึกของดอกยางมีความสม่ำเสมอกันทั้งเส้น
แล้วเมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยาง
- ยางมีการสึกหรอมากดอกยางมีความลึกน้อยกว่า 4 มม.
- แก้มยางแตกหรือบวม
- โครงสร้างยางเสียรูปทรง
- การสึกของดอกยางไม่มีความสม่ำเสมอเช่น ดอกยางสึกข้างใดข้างหนึ่งมากกว่า (อาการนี้ต้องเปลี่ยนยางและนำรถเข้าเช็คระบบช่าวล่างพร้อมกันด้วย)
- เมื่อวิ่งบนพื้นถนนแล้วมีเสียงดังจากยาง
- เปลี่ยนตามคำแนะนำของผู้ผลิตคือประมาณ 4 ปี (ถ้ายางไม่มีสภาพดังที่กล่าวมาข้างต้นก่อน)
เปลี่ยนยางควรเปลี่ยนกี่เส้นดี
การเปลี่ยนยางนั้น ถ้าจะให้ดีควรเปลี่ยนพร้อมกันทั้งหมด 4 เส้น เพราะจะทำให้การดูแลรักษาจะเป็นไปได้ง่าย ยางจะสามารถถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์สู่พื้นถนนได้เต็มประสิทธิภาพทั้งการเคลื่อนที่และเบรก ทำให้การใช้รถมีความปลอดภัย
การดูแลรักษายางรถยนต์
- ตรวจสอบความดันลมยางให้เหมาะสมกับการใช้งาน
- สลับยาง ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ ตามระยะเช่นทุกๆ 10,000 กิโลเมตร
- ตรวจสอบทางกายภาพภายนอก เป็นประจำ
เพียงเท่านี้เราก็สามารถใช้งานรถยนต์ที่รักของเรา เดินทางไปยังจุดหมายต่างๆได้อย่างมั่นใจไร้กังวลครับ